• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้ทราบ จากการเป็นลูกจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Cindy700, April 05, 2023, 07:20:29 AM

Previous topic - Next topic

Cindy700

1. เนื่องจากพวกเราไม่ได้เกิดมาเพื่อปฏิบัติงานอย่ างเดียว

พวกเรามิได้ดำเนินการแล้วแฮปปี้วันแล้ววันเล่า หลายคราที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ว่าถ้าเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต เป็นต้นว่า วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ และก็ยังรวมทั้งต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่พวกเราถูกใจจะมีผลให้ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น รวมทั้ง เพิ่มความเชื่อมั่น เพราะว่าการเฟลจากที่ทำงานโดยมากมักทำให้พวกเราท้อแท้ใจ รวมทั้งขาดความมั่นใจและความเชื่อมั่นในตนเอง ส่วนตัวสำหรับเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และ อีกเพียบเลย


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนคนนึงถูกใจตัดเย็บเสื้อผ้ามาก ตั้งใจจริงขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ในเวลานี้ปฏิบัติงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนตอนนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. รู้ยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างเรา สิ่งที่เรานับถือที่สุดในที่ทำงานก็น่าจะหนีไม่พ้นนายจ้าง ผู้ที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยนานับประการ อย่ างตัวเราเคยพบในขณะที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานหนัก ไปจนกระทั่งวันๆไม่ทำหน้าที่การงาน รอสั่งคนนู่นทีคนนี้หน แต่ว่าพอได้ดูดีๆเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แม้กระนั้นคนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้เกียจตื่น หรือโดนนายสั่งงานมากมายไม่ได้ไง เพราะอะไรน่ะเหรอ นอกเหนือจากที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองหมั่นไส้แล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความเคารพนับถือด้วย หนำซ้ำบางครั้งก็อาจจะหาเรื่องกันเสียระบบการปกครองทั้งทีม


ถ้าให้ชี้แนะก็อย ากจะพูดว่าพย าย ามเข้าใจเค้าดีมากกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนชั่วบ้ า ง นิสัยก็แตกต่างบ้ า งเป็นเรื่องปกติ อย่ ามองว่าพวกเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองในมุมที่ว่าหากเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานตรงไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปเจอครอบครัว

มิได้อย ากอยู่ดึกดื่นๆให้ผู้ที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็มิได้อย ากดำเนินงาน ก็อย ากท่องเที่ยวเช่นเดียวกันนั่นแหละ แต่เพียงแค่ออกหน้าชอบบ่นแบบพวกเราไม่ได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองคิดดู

เพียงแค่เราพรีเซ็นท์งานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าจำเป็นต้องเอางานเราไปนำเสนอกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องผู้ใดกันแน่ที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้เยอะ เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นปกติ

3. อย่ ามั่นใจในตัวเองเกินไปในโลกออนไลน์

หลายๆคนเชื่อว่าโลกโซเชียลเป็นหลักที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของพวกเรา แม้กระนั้นรู้รึเปล่าว่า HR ยุคนี้นอกเหนือจากที่จะดู resume เราแล้ว ยังดูเ ฟ ส บุ ค ของพวกเราด้วย เพื่อนเราที่เป็น HR การันตีมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่จริงจริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า มองเห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของเรานั้นส่งผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อพวกเราเป็นพนักงานประจำสุดกำลัง เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องระมัดระวัง อย่ างพวกเราเป็นไม่แตะเฟสบุ้คเลย หรือถ้าหากจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าเกิดหัวหน้ามามองเห็นก็ไม่เป็นไร


หากอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆแนะนำให้แยกเฟสสถานที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาห้วยที่พด้วย เพราะว่า โดยมากคนในที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้าโง่ ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่นอน...!! เตือนแล้วนะ

4. โฟกัสที่ทางวิ่งของพวกเรา สนใจ ใส่ใจ แม้กระนั้น... อย่ าเก็บลู่วิ่งผู้อื่นมาอิจฉา

ช่วงปีที่ผ่านมานี้ เพื่อนพ้องเราคนไม่ใช่น้อยเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางบุคคลเปลี่ยนแปลงงานไปงานที่ค่าตอบแทนรายเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตน บางโอกาสพวกเราเลื่อนมองหน้าเฟสและจากนั้นก็แอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ได้ดี แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แม้กระนั้นบอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็มิได้ดีมากกว่าพวกเราหรอกดีไม่ดีเพื่อนหลายคนบางทีอาจจะกำลังอิจฉาริษยาชีวิตพวกเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... เป็นตัวเราเองก็มิได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่พวกเราคัดเลือกกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี จงจดจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของพวกเราไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น

โฟกัสที่ลู่วิ่งของพวกเรา ทราบว่าเรากำลังจะทำอะไร รู้ว่าจุดหมายเราต้องการอะไร รู้ดีว่าวันนี้พวกเราปฏิบัติดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็พอเพียงแล้ว แอบมองลู่วิ่งคนอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้พวกเราตั้งใจจริงกับชีวิตเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่ าเก็บมาใส่ใจจนกังวลเพียงพอ

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

เดี๋ยวก่อน...!! อย่ าพึ่งตระหนกตกใจไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้แปลว่า ให้เราไม่ต้องจิรงจิตใจกับคนใดกันแน่ แต่... แปลว่า " พวกเราไม่ใฝ่ใจข้างใด " อย่ างที่รู้กันว่าในออฟฟิศหลายๆที่

มีการเล่นพรรคเล่นพวก หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าคนที่เล่นการเมือง (มากมายๆ) ส่วนใหญ่ปราศจากความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแม้กระนั้นเล่นเค้าไว้เยอะแยะนี่ห้ามเสียทีเลยนะ มีคนรอคอยซ้ำเยอะแยะเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่พวกเรามองว่าคนนี้เป็นคนอย่างไร จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร ไม่ได้พูดว่าให้สตอเบอร์รี่ หรือ ฝ่าฝืนตนเอง แต่ว่า... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชื่นชอบ

โตมาในสังคมที่แตกต่างกัน การที่พวกเราดูแล้วทราบดีว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะมีผลให้พวกเราเหนือกว่ามากๆนอกจากวางตัวง่ายแล้ว พวกเราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมทั้งบางบุคคลที่ดูแล้วไม่ถูกจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักสวัสดีตามมารย าท ไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... พวกเราไม่เคยรู้หรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงพวกเราเข้าไปปฏิบัติงานกับคนใดกัน ฉะนั้น อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงมิได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แต่ในอนาคต อาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดีกว่าโดนด่าทอตอนอายุ 50

เนื่องจากว่าอายุยังน้อย ความมุ่งมาดจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย แม้ว่าพวกเราจะรู้สึกกดดันสำหรับการทำงานสุดๆแม้กระนั้นเชื่อเถอะ เราล้มเหลววันนี้ ดีกว่าเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนถึง 50-60 ก็ผ่านช่วงเวลาแบบเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะชี้แนะเป็น.. ใช้เวลานี้ให้คุ้ม เรามิได้อายุ 20 กว่าๆตลอดกาล อย ากทำอะไรทำ อย าถ้อยคำมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันไม่ดีก็พรีเซ้นไปเรื่อยฝึกหัดไปเรื่อยโดนดุด่าขณะนี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนดุตอนอายุ 50 มากมาย หากแม้จะบกพร่อง ด้วยความยังเด็ก แล้วก็ อ่อนประสบการณ์ คนส่วนมากพร้อมจะให้อภัยพวกเราเสมอ ด้วยเหตุดังกล่าว ล้มเหลวจำนวนมากเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามแตกต่างกันระหว่าง " เพื่อน " กับ " สหายร่วมงาน " เป็นยังไง ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนพ้องย ากก็น่าจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนฝูงใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และการหาเพื่อนในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแสดงว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าใด เราจะหาเพื่อนพ้องย ากขึ้นเพียงแค่นั้น และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนฝูงที่แท้จิตใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากเพียงใด


นอกจากจะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การประเมิน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราเงินเดือนอย่ างพวกเราคือไปทำงาน มิได้ไปทำกิจกรรมสานสโมสรหาเพื่อน ดังนั้นวันๆพวกเราจึงจะเจอเพียงแค่เพื่อนฝูงร่วมกลุ่ม ซึ่งโดยมากแล้วก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น

พวกเราโชคดีที่เจอกลุ่มที่ดี คุยได้อีกทั้งเรื่องส่วนบุคคลแล้วก็เรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน แล้วก็เพื่อนร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้ววางใจแบบงี้ พวกเรามีความรู้สึกว่ามันเป็นกำไรชีวิต พย าย ามหาคนเหล่านี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดนึงก็ยังดี ) ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ แค่ได้เผชิญ

เสวนาแลกเปลี่ยนความเซ็งดีแล้ว ให้เราทดลองถามตัวเองว่า "หากเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้รับประทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว

7. หาผู้ที่เป็นมากกว่า " เพื่อนร่วมงาน " ให้เจอ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความแตกต่างระหว่าง " สหาย " กับ " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " เป็นยังไง ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนพ้องย ากก็คงจริง ยุคประถม การหาเพื่อนพ้องใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม และก็การหาเพื่อนพ้องในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไหร่ เราจะหาสหายย ากขึ้นเท่านั้น

และไม่จะต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนพ้องที่แท้ใจคนนึงในสำนักงานมันย ากเพียงใด นอกจากจะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง ค่าจ้างรายเดือน การประมาณ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราค่าตอบแทนรายเดือนอย่ างพวกเราเป็นไปดำเนินการ มิได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาสหาย ด้วยเหตุนั้นวันๆพวกเราจึงจะพบเพียงแค่สหายร่วมกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่รวมทั้งเป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น

เราโชคดีที่พบทีมที่ดี คุยได้ทั้งเรื่องส่วนตัวและก็เรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน แล้วก็เพื่อนร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้ววางใจอย่างนี้ เรามีความคิดว่ามันเป็นผลกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนพวกนี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหนึ่งก็ยังดี ) ไม่จำเป็นที่ต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเห็น พูดคุยเปลี่ยนความเซ็งดีแล้ว ให้เราลองถามตัวเองว่า "ถ้าหากพวกเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าเกิดคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนฝูงจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว

8. ควรเป็น " ลูกจ้างมืออาชีพ "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าหากอย ากประสบผลสำเร็จ และ แฮปปี้ ต้องเป็น " ลูกจ้างมือโปร " ให้ได้ พูดง่ายแต่ว่าทำย ากนะ เพราะว่าลูกจ้างมือโปรก็คือคนที่ตระหนักได้ว่า " พวกเราถูกจ้างมาด้วยค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง " นั่นถือได้ว่าบริษัทเค้าอยากได้อะไรบางอย่ างจากเราแลกกับค่าจ้างนั้นๆ

เราจำเป็นต้องทราบว่าบริษัทว่าจ้างพวกเรามาทำอะไร รวมทั้ง ทำมันให้ดีมากกว่าที่บริษัทมุ่งมาดแม้ต้องการความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่ หากงานที่ทำอยู่มีความรู้สึกว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของพวกเรา ก็ไม่สมควรทรหดอดทนทำไป


ควรจะหางานที่เราทำแล้วเราสุขสบายรวมทั้งทำเป็นดีเพื่อดึงประสิทธิภาพของตนออกมาให้สูงที่สุด นอกเหนือจากที่จะทำให้เราเติบโตในหน่วยงานแล้ว ยังเป็นเหตุให้พวกเราพัฒนาตัวเองอยู่เสมอเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งพวกเราจะทราบเองว่าควรจะไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ชอบให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่นๆ อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกจำนวนกี่ครั้งก็ได้ ถ้าหากสุดท้ายเราเจอสายอาชีพที่เรารักและก็อย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก

แล้วก็ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " พวกเราถูกจ้างมาด้วยค่าจ้างจำนวนหนึ่ง " อย่ าทำงานมากเกินกว่าค่าตอบแทนจนถึงเกินความจำเป็น ทุ่มเทได้ แต่ว่าควรจะมีผลลัพธ์ที่ดีตามออกมาด้วย อย่างเช่นได้ปรับค่าตอบแทนรายเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา ญาติๆบ้ า ง หันกลับไปมองข้างหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้พวกเรามายืนจุดนี้ เวลานี้เค้าเป็นอย่างไรกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุมากขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าเกิดเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้คุณแล้วหาเวลาไป มันไม่ตรากตรำหรอก แลกเปลี่ยนกับความสุขของพ่อแม่
ลูกน้อง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/